หลังจากที่ แวร์ โซว โพสต์ข้อความของานทำจนกลายเป็นข่าวที่หลายคนให้ความสนใจ ล่าสุด เจ้าตัวได้ควงลูกสาว น้องคนดี มานั่งเปิดใจในรายการแฉ เล่าถึงช่วงวิกฤติของชีวิตที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และมีอาการเครียดจัดจนไม่อยากอยู่ต่อ ถึงขั้นชวนลูกสาวทำในสิ่งที่น่ากลัว

    โดยเจ้าตัวได้เผยว่า ชีวิตเหมือนดีมาตลอด มาช่วง 30 กว่าๆ ถึง 40 กว่าๆ กำลังทำมาหากิน จะซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อคอนโดฯ แล้วมาเจอปัญหาที่จบไปละ เสร็จปุ๊บมันก็หมด พอหมดปั๊บเราก็หมดหนี้หมดสิน เราก็กลับมาสร้างเนื้อสร้างตัวเก็บเงินใหม่ ทำงาน

    แล้วอย่างงานละครก็มีแค่รับเชิญ ก็ได้เงินเป็นเบี้ยหัวแตก ต้องกินต้องใช้ ต้องเอามาเก็บค่าที่เอาไว้ฉุกเฉิน ค่าโน่นนี่อีก มาช่วงโควิดแรกๆ ก็ยังมีถ่ายละครได้บ้าง แต่ก็จะช้าหน่อย ส่วนซึมเศร้าก็เป็นก่อนหน้านั้น แล้วก็รักษาจนดีขึ้นประมาณนึง

    มาช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็ไม่มีงานละครเลย มีแค่รับเชิญตอนสองตอน แล้วทั้งปี จำได้เลยว่าตั้งแต่กรกฎาคมปีที่แล้วจนปีนี้ ไม่มีงานมาปีนึง สิ่งที่เราเคยมีก็ขายใช้หนี้ไปช่วงที่เรามีปัญหาเรื่องบ้าน เรื่องรถด้วย ช่วงนั้นหมดไปแล้ว มีแต่เงินเก็บที่เราสะสม ขนาดประกันชีวิตยังต้องเวนคืนเอาเงินมาใช้เลย ก็ต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อหมุนเวียนเอาเงินมาใช้จ่าย เพราะมีแต่รายจ่าย ไม่มีรายรับเลย

    ก็ไปลองขายหมึกย่างดู แถวนั้นคนน้อย ขายลำบาก ต้นทุนสูงด้วย หลังจากนั้นก็หยุดขาย แล้วก็มาขายบ๊วยรวมรส ก็โดนโรงงานโกง เราขายทางเฟซบุ๊กให้ลูกค้าสั่งเข้ามา แล้วเราก็โอนเงินไปให้ทางโรงงานให้ส่งไปที่ลูกค้า แต่ทางนั้นไม่ส่งไป

    ค่าใช้จ่ายต่อเดือนโดยเฉลี่ย 5 หมื่นบาท แต่ว่าตอนนี้ลดให้เหลือน้อยที่สุด 3 หมื่นบาท รวมค่าเช่าอพาร์ตเมนต์ 2 ห้อง ค่ากิน ค่าไฟแนนซ์ที่เอารถไปเข้ามาด้วย

    อาการซึมเศร้าที่เคยรักษากลับมาใหม่ น่ากลัวกว่าเดิมด้วย เพราะตอนเป็นครั้งแรกเราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร ก็นึกว่าตัวเองเป็นโรคเครียด ไม่สบาย พอไปหาหมอเลยรู้ว่านี่คืออาการของคนเป็นโรคซึมเศร้า มีถึงขั้นคิดอยากจะฆ่าตัวตาย

    พอทุกอย่างดีขึ้น ราบเรียบสงบขึ้น พอกลับมาเป็นอีกก็รู้แล้วว่าตัวเราเป็นอะไร เราคิดอะไร เราอยากตายเพราะอะไร วางแผนเหลือแค่ลงมือทำ ช่วงนั้นอารมณ์ขึ้นลง คิดอะไรไม่ออก บอกไม่ถูก ก็บอกลูกว่าเรามาตายกันไหม

    น้องคนดี ก็บอกว่า จริงๆ ต้องบอกก่อนว่าอันนี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำตาม ช่วงนั้นเป็นช่วงที่แม่ดิ่งสุด เขากำลังเครียด หนูเข้าใจค่ะว่าคนเป็นโรคซึมเศร้าบางทีเขาคิดอะไรมากๆ เครียดมากๆ เขาเหมือนต้องหาทางระบายออกมา อย่างเช่นการพูดคุย หนูอยู่กับคุณแม่ตลอด แล้วเราก็รับรู้ในเรื่องของอาการกันมาเสมอ ในช่วงของการรักษา ในช่วงที่เขาดีสุด หนักสุด มันเป็นการคุยกันว่าเขาไม่ไหวแล้ว เขาไม่อยากสู้แล้ว เขาอยากพัก

    ด้วยความที่ตลอดมาหนูยังมีจุดยืนชัดเจนว่าหนูยังอยากที่จะเติบโตขึ้นมากกว่านี้ อยากจะมีประสบการณ์อะไรที่มากกว่านี้ หนูก็เลยใช้การคุยกับเขามากกว่า ให้เขาพูดทุกอย่างที่เขาพูดในตอนนั้น ให้พูดความน้อยใจออกมา เพื่อที่เราจะได้รับรู้ด้วยว่าจุดไหนมันคือปัญหาที่เขากำลังรู้สึกแย่แล้วเราก็ค่อยๆ ตอบในความคิดของเราว่า เราให้คำแนะนำอะไรได้บ้าง เราแสดงความห่วงใยในแง่ไหนได้บ้าง มากสุดที่หนูทำได้มันก็คือเท่านี้

    ถามว่ารับมือยังไง อย่างเวลาที่เขาระบายมา หนูไม่แนะนำ ให้ใช้คำว่าเราเข้าใจ เราไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกเขาได้เลยว่ามันมากแค่ไหนสำหรับคนคนนั้น แต่ให้เราใช้คำว่า ‘เราอยู่กับเขานะ’ ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน เรายังคงอยู่ตรงนี้เพื่อที่จะซัพพอร์ตเขาเสมอในทุกความคิดที่เราสามารถทำได้ สามารถสนับสนุนได้ หนูรู้สึกว่าการพูดแค่นี้ทำให้เขามีกำลังใจ อย่างน้อยๆ ก็มีคนนึงที่อยู่ข้างเขาเสมอ มันจะพอช่วยได้ เขาก็ดีขึ้น

    แวร์ โซว ได้บอกอีกว่า เราก็ตั้งสติได้ เหมือนดึงเรากลับมาได้ เพราะเราถามเขาว่าแม่อยากตาย ถ้าตายคนเดียวหนูจะอยู่ยังไง ถ้าแม่จะตายเราก็ต้องตายด้วยกัน เราจะได้ไม่ต้องมีห่วง

    แต่เขาก็บอกว่าเขายังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ อยากใช้ชีวิต อยากเติบโต อยากเป็นอะไรอีกมากมายที่ยังไม่เคยเป็น ไม่เคยทำ เราก็คิดว่าเราจะเอาชีวิตเขาไปทำไม ในเมื่อมันก็ชีวิตเขา ชีวิตเรา งั้นก็อยู่สู้กันต่อ แล้วเราเองก็อยากเห็นในสิ่งที่เขาอยากเป็นให้ประสบความสำเร็จด้วย ก็ตัดสินใจสู้ต่อ อีกเฮือกนึง

    เรื่องหารายได้ ก็เคยคิดหาทาง เพราะอย่างที่บอกว่าขายของก็โดนโกง ไม่ประสบความสำเร็จสักอย่างนึง ก็เลยมาคิดว่าปากซอยบ้านมีปั๊มน้ำมัน กลางวันอาจจะทำพนักงานร้านสะดวกซื้อ กะดึกเป็นเด็กปั๊ม แล้วมีร้านขายกาแฟในนั้นก็ให้ลูกทำร้านกาแฟไป

    ก็คิดไว้ว่าถ้าลองไปสมัครดูเผื่อเขารับ ก็ยังโอเค ยังมีรายได้ ดีกว่ามานอนคิด นั่งคิดว่าจะทำอะไรดี ปวดหัวจังเลย เครียดจังเลย ฟุ้งซ่านคิดแต่จะฆ่าตัวตาย เลยคิดว่าน่าลองนะถ้าทำได้ขึ้นมา อะไรที่เป็นเงินก็ทำหมด

    แต่พอโพสต์ เพราะตอนนั้นคิดไม่ออก มันเครียดมาก ไม่รู้จะทำยังไงดี เราต้องอยู่ต่อ หาเงิน แวร์ว่าโพสต์ของานดีกว่าโพสต์ขอยืมเงิน โพสต์เพื่อขอโอกาส บางคนถามว่าไม่อายเหรอโพสต์ของานทำ เราก็บอกว่าดีกว่าไปโพสต์ขอเงินหรือเปล่า

    หลังจากโพสต์ไป หลังจากเป็นข่าวก็มีติดต่อเข้ามาให้ขายของหลายอย่าง แต่ทีนี้ก็จะเข้าแบบเดิมไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ทีนี้แวร์รู้จักพี่คนนึงที่มีโรงงานในไทยและเกาหลี มีโกดัง มีสินค้า ซึ่งมีหลากหลายมาก ต้องหัดไลฟ์ขายของ อันนี้ลงตัวและทำได้นานสุด

ชมคลิป

>>> คลิปเปิดไม่ออก กดที่นี่ <<<

ที่มา : รายการแฉ